ล็อกความสวยทุกมิติ

Volifil Filler คืออะไร เจาะลึกฟิลเลอร์เกาหลีที่หมอล็อคเลือกใช้

ถ้าพูดถึงเทรนด์ความงามที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ คงไม่มีใครไม่นึกถึงเทรนด์ความงามสไตล์เกาหลี ที่เน้นงานผิวสวยใสดูเป็นธรรมชาติใช่ไหมครับ ความนิยมนี้เองทำให้ผลิตภัณฑ์ความงามจากเกาหลีใต้ได้รับความสนใจอย่างสูง รวมถึงในวงการฟิลเลอร์ด้วยครับ วันนี้หมอจึงอยากจะพาทุกคนไปเจาะลึกกับ Volifil Filler ซึ่งเป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงสัญชาติเกาหลีแท้ ๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความงามในสไตล์นี้โดยเฉพาะ และที่สำคัญยังเป็นหนึ่งในฟิลเลอร์ที่หมอไว้วางใจและคัดเลือกเข้ามาใช้ดูแลคนไข้ที่ Dr.Lock Clinic ด้วยเหตุผลอะไรนั้น เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้ได้เลยครับ

ทำความรู้จัก Volifil ฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลี

Volifil คืออะไร

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนนะครับว่า Volifil Filler นั้นคืออะไร Volifil คือฟิลเลอร์ในกลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก หรือ HA Filler ที่ผ่านการวิจัย พัฒนา และผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ทั้งหมดครับ ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทั้งจากองค์การอาหารและยาของประเทศเกาหลี (KFDA) และแน่นอนว่าผ่านการรับรองจาก อย. ของประเทศไทยเราด้วยครับ หัวใจสำคัญของฟิลเลอร์แบรนด์นี้คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดู “นุ่มนวล” และ “เป็นธรรมชาติ” ที่สุด เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามที่ต้องการปรับปรุงใบหน้าให้ดูดีขึ้น แต่ยังคงความเป็นตัวเอง ไม่แข็ง หรือดูออกว่าไปทำอะไรมาครับ ซึ่งเบื้องหลังความนุ่มนวลนี้ก็มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจซ่อนอยู่ครับ

เจาะลึกเทคโนโลยี HCCL™ เอกสิทธิ์เฉพาะของ Volifil

เทคโนโลยี HCCL

เบื้องหลังเนื้อฟิลเลอร์ที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติของ Volifil นั้นมาจากเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์เลยครับ นั่นก็คือ เทคโนโลยี HCCL™” หรือชื่อเต็ม ๆ คือ High Concentration Cross-Linking ครับ

ถ้าจะให้หมออธิบายง่าย ๆ นะครับ ลองนึกภาพเส้นของ Hyaluronic Acid (HA) ที่เป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ดูนะครับ ปกติแล้วเส้นใยเหล่านี้จะอยู่กันแบบหลวม ๆ ซึ่งถ้าฉีดเข้าไปเลยมันก็จะสลายไปเร็วมาก “Cross-linking” ก็คือกระบวนการที่นำเอาสารที่ชื่อว่า BDDE มาทำหน้าที่เป็น “ตัวเชื่อม” หรือ “กาว” เพื่อถักทอเส้นใย HA เหล่านี้ให้กลายเป็นโครงข่ายที่มีความหนาแน่นและแข็งแรงขึ้นครับ

ความพิเศษของเทคโนโลยี HCCL™ ก็คือ เขาสามารถสร้างโครงข่ายนี้ได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยใช้ปริมาณสาร BDDE ที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นฟิลเลอร์ที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก มีความคงทน อยู่ได้นาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงได้ง่าย และให้ผลลัพธ์ที่ดูเรียบเนียน ไม่แข็ง ไม่เป็นก้อนครับ

Volifil Filler มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นเหมาะกับใคร

เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกใช้ฟิลเลอร์แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด Volifil จึงได้ออกแบบฟิลเลอร์มา 3 รุ่นหลักด้วยกันครับ โดยแต่ละรุ่นจะมีความหนาแน่นของเนื้อเจลที่แตกต่างกัน ทำให้เหมาะกับการใช้งานในชั้นผิวและความต้องการที่ต่างกันไป หมอขอสรุปเป็นตารางเพื่อให้เห็นภาพชัด ๆ ก่อนนะครับ

Volifil Classic

Volifil Classic

กล่องรุ่นนี้สีทอง เป็นรุ่นที่เนื้อเจลมีความนิ่มและละเอียดที่สุดครับ ฉีดแล้วกลืนกับผิวได้ดี ทำให้เหมาะมาก ๆ กับการฉีดในบริเวณที่ผิวชั้นตื้น ผิวบอบบางและต้องการความเป็นธรรมชาติสูง เช่น การเติมเต็มร่องลึกใต้ตา หรือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากครับ

Volifil Deep

สำหรับรุ่น Deep จะมีกล่องเป็นสีชมพู เป็นรุ่นที่มีเนื้อเจลที่แน่นขึ้นมาอีกระดับ มีความคงตัวปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมเต็มที่ต้องการความเป็นธรรมชาติสูง ริ้วรอยร่องลึกในระดับปานกลางถึงมาก เช่น บริเวณร่องแก้มและร่องน้ำหมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่คนไข้ส่วนใหญ่มักจะกังวลครับ

Volifil Sub-Q

กล่องรุ่น Sub-Q เป็นสีเทา ซึ่งเป็นรุ่นที่มีเนื้อเจลแน่นและคงตัวที่สุดในบรรดา 3 รุ่นครับ ขึ้นรูปได้ดี ถูกออกแบบมาเพื่อการฉีดในชั้นลึกเพื่อเสริมโครงสร้างกระดูกโดยเฉพาะ เหมาะกับการปั้นทรงให้คมชัด เช่น การเสริมคางให้ใบหน้าดูวีเชฟมากขึ้น หรือการเติมโหนกแก้มเพื่อยกพยุงใบหน้าครับ

จุดเด่นที่น่าสนใจของ Volifil Filler

จุดเด่นของ Volifil

หลังจากที่เราเจาะลึกเรื่องรุ่นต่าง ๆ ไปแล้ว หมอขอสรุปภาพรวมจุดเด่นที่ทำให้ Volifil Filler เป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่น่าสนใจและถูกเลือกใช้ในคลินิกชั้นนำนะครับ

  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: ด้วยเทคโนโลยี HCCL™ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความนุ่มนวลและยืดหยุ่นสูง สามารถผสานเข้ากับชั้นผิวได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน เหมาะกับคนที่ต้องการความสวยแบบเป็นธรรมชาติมาก ๆ ครับ
  • มีความปลอดภัยสูง: Volifil ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทั้งจาก KFDA ประเทศเกาหลีใต้ และ อย. ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีสาร BDDE ซึ่งเป็นสารที่ใช้เชื่อมฟิลเลอร์ตกค้างในปริมาณที่น้อยมาก ทำให้มีความปลอดภัยสูงครับ
  • อาการบวมช้ำน้อย: จากกระบวนการผลิตที่ทำให้ฟิลเลอร์มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้หลังฉีดคนไข้จะมีอาการบวมหรือช้ำน้อยกว่าฟิลเลอร์บางยี่ห้อ และใช้เวลาพักฟื้นไม่นานครับ
  • ราคาเข้าถึงง่าย: อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Volifil มีราคาที่สมเหตุสมผลและเข้าถึงง่ายกว่า เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากฝั่งยุโรป ทำให้คนไข้สามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้นครับ

การเตรียมตัวก่อนฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด Volifil Filler

สำหรับการเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ Volifil นั้น โดยหลักการแล้วจะเหมือนกับการฉีด HA ฟิลเลอร์ทั่วไปเลยนะครับ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

หมอขอสรุปหัวใจสำคัญสั้น ๆ นะครับ ก่อนฉีดควรงดยาหรือวิตามินที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด (เช่น Aspirin, Vitamin E, น้ำมันปลา) และงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง ส่วนหลังฉีดในช่วง 2 สัปดาห์แรกก็ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสรุนแรงบริเวณที่ฉีด, งดกิจกรรมหนัก ๆ และความร้อน, งดแอลกอฮอล์, และเน้นดื่มน้ำเยอะ ๆ ครับ

Volifil Filler อยู่ได้นานไหม

โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ Volifil สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานได้ประมาณ 8-12 เดือนครับ ในบางรุ่นและบางตำแหน่งอาจอยู่ได้นานถึง 18 เดือนเลยทีเดียว ทั้งนี้ ระยะเวลาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน ดังนี้ครับ

  • รุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้: อย่างที่หมอได้อธิบายไปครับว่าแต่ละรุ่นมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน โดยรุ่นเนื้อแน่นอย่าง Volifil Sub-Q ก็จะมีแนวโน้มที่จะอยู่ได้ยาวนานที่สุด ในขณะที่รุ่นเนื้อนิ่มอย่าง Volifil Classic ก็จะมีระยะเวลาที่สั้นกว่าครับ
  • ตำแหน่งที่ฉีด: บริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น ริมฝีปากหรือร่องแก้ม ฟิลเลอร์ก็อาจจะมีการสลายตัวเร็วกว่าบริเวณที่ขยับน้อย เช่น คาง หรือขมับครับ
  • การดูแลตัวเองและไลฟ์สไตล์: การปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์, การดื่มน้ำเยอะ ๆ และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การสูบบุหรี่หรือตากแดดจัด ๆ ก็จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ให้อยู่กับเราได้นานขึ้นครับ
  • ลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล: อัตราการเผาผลาญ (Metabolism) ของร่างกายแต่ละคนไม่เท่ากัน ซึ่งก็ส่งผลต่อความเร็วในการสลายฟิลเลอร์ด้วยเช่นกันครับ

Volifil Filler ราคาเท่าไหร่

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Volifil ได้รับความนิยมคือเป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงที่มีราคาเข้าถึงง่ายครับ โดยทั่วไปราคาจะคิดเป็นต่อ 1 CC (ซีซี) ซึ่งราคาในท้องตลาดสำหรับฟิลเลอร์ Volifil จะอยู่ที่ประมาณ 8,000 – 9,000 บาทต่อซีซี ครับ ทั้งนี้ราคาอาจแตกต่างกันไปบ้างขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกในขณะนั้นครับ

อย่างไรก็ตาม หมอไม่แนะนำให้เลือกฉีดฟิลเลอร์จากราคาที่ถูกจนเกินไปนะครับ เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน และควรพิจารณาถึงประสบการณ์ของแพทย์และความน่าเชื่อถือของคลินิกร่วมด้วยเสมอ

สำหรับราคาที่แน่นอนของแต่ละเคส จะขึ้นอยู่กับรุ่นของ Volifil ที่เลือกใช้และปริมาณที่ต้องใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมที่สุดครับ ดังนั้น การนัดหมายเข้ามาปรึกษาเพื่อวางแผนการรักษา จะทำให้ทราบค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนและโปร่งใสที่สุดครับ

วิธีตรวจสอบ Volifil Filler ของแท้

ความปลอดภัยของคนไข้คือสิ่งที่หมอให้ความสำคัญสูงสุดเสมอครับ ดังนั้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ของแท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถประนีประนอมได้เลย โชคดีที่ฟิลเลอร์ Volifil ของแท้ที่จัดจำหน่ายโดยบริษัทบอนซอง ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยนั้น มีวิธีการตรวจสอบที่ง่ายและชัดเจนมากครับ

หมอมีเช็กลิสต์ให้คนไข้ใช้ตรวจสอบเพื่อความมั่นใจก่อนฉีดได้เลยครับ:

  • Logo และชื่อยี่ห้อ Volifil ต้องพิมพ์ชัด ไม่มีรอยเลือนหรือสะกดผิด
  • มีฉลากบรรจุรายละเอียดครบทั้งภาษาเกาหลีและภาษาไทย
  • เลข Lot. ตรงกันทุกตำแหน่ง สามารถตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
  • กล่องฟิลเลอร์มีสติกเกอร์รับรองจากผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการในประเทศไทย


ที่ Dr.Lock Clinic เรายึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยนี้อย่างเคร่งครัด คนไข้สามารถมั่นใจได้ 100% ว่าจะได้รับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้เสมอครับ

ทำไมหมอล็อคถึงเลือกใช้ Volifil Filler ที่คลินิก

หลังจากที่เราเจาะลึกข้อมูลของ Volifil Filler กันมาทั้งหมดแล้ว หลายคนอาจจะอยากทราบในมุมมองของหมอใช่ไหมครับว่า ทำไมหมอถึงมั่นใจและเลือกฟิลเลอร์แบรนด์นี้เข้ามาเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญสำหรับดูแลคนไข้ที่ Dr.Lock Clinic หมอมีเหตุผลหลัก ๆ ในฐานะแพทย์ผู้ใช้จริง ดังนี้ครับ

  • ตอบโจทย์ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: ในหลาย ๆ เคส คนไข้ของหมอต้องการผลลัพธ์ที่ดูสวยขึ้นแบบนุ่มนวล ไม่ต้องการให้ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งเนื้อเจลของ Volifil ที่มีความละมุนและผสานกับผิวได้ดี สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
  • มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง: การมี 3 รุ่นที่ออกแบบมาสำหรับความลึกของชั้นผิวที่แตกต่างกัน ทำให้หมอสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างละเอียดและแม่นยำ สามารถเลือกใช้รุ่นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบริเวณ ตั้งแต่งานผิวตื้น ๆ ไปจนถึงการเสริมโครงสร้างกระดูกครับ
  • มาตรฐานความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ: แน่นอนว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอครับ การที่ Volifil ผ่านการรับรองจากหลายสถาบัน มีเทคโนโลยีที่ช่วยลดสารตกค้าง และมีระบบตรวจสอบของแท้ที่ชัดเจน ทำให้หมอสามารถใช้ผลิตภัณฑ์นี้กับคนไข้ได้อย่างมั่นใจครับ
  • ให้ผลลัพธ์ที่ดีในราคาที่สมเหตุสมผล: หมอเชื่อว่าทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึงความงามที่มีคุณภาพ การที่ Volifil ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากในราคาที่เข้าถึงง่าย ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้หมอเลือกมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีให้กับคนไข้ครับ

สรุป

มาถึงตรงนี้ ทุกท่านน่าจะรู้จักกับ Volifil Filler กันอย่างลึกซึ้งแล้วนะครับ จะเห็นได้ว่า Volifil เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากเกาหลีที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเทคโนโลยี HCCL™ ที่ทำให้ได้เนื้อเจลที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ, การมีรุ่นย่อยให้เลือกใช้แก้ปัญหาได้อย่างหลากหลาย, ตรงจุด และที่สำคัญคือมาตรฐานความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้ชัดเจน สำหรับหมอแล้ว Volifil ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับคนไข้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ในราคาที่สมเหตุสมผลครับ

อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์ที่ดีที่สุดคือ Filler ที่ “เหมาะสมที่สุด” กับใบหน้าและปัญหาของเราแต่ละคน หากคุณสนใจและอยากทราบว่า Volifil จะเป็นคำตอบสำหรับคุณหรือไม่ สามารถนัดหมายเข้ามาให้หมอประเมินและวางแผนการรักษาร่วมกันที่ Dr.Lock Clinic ได้เลยนะครับ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Volifil Filler สลายหมดไหม

สลายหมด 100% ครับ เนื่องจาก Volifil เป็นฟิลเลอร์ในกลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก (HA Filler) แท้ ร่างกายของเราจึงมีเอนไซม์ตามธรรมชาติ (Hyaluronidase) ที่สามารถย่อยสลายฟิลเลอร์ชนิดนี้ไปได้เองตามกาลเวลา จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายในระยะยาวครับ

ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและระดับความอดทนต่อความเจ็บของแต่ละคนครับ แต่ทั้งนี้หนึ่งในข้อดีของฟิลเลอร์ Volifil คือในเนื้อผลิตภัณฑ์มีการผสมยาชา (Lidocaine) มาด้วย ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับการแปะยาชาชนิดครีมก่อนทำหัตถการ จะช่วยให้ความรู้สึกเจ็บระหว่างฉีดน้อย คนไข้ส่วนใหญ่จะรู้สึกเพียงเล็กน้อยตอนเดินเข็มเท่านั้นครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีรอยเขียวช้ำจากเข็ม หรืออาการบวมเล็กน้อยจากตัวยาประมาณ 4-5 วัน โดยอาการบวมจะค่อย ๆ หายไปได้เองใน 7-14 วันครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่ออาการบวมยุบลงหมด และฟิลเลอร์เซ็ตตัวกลืนกับผิวครับ

เป็นคำถามที่ดีมากครับ ในทางปฏิบัติแล้วแพทย์สามารถฉีดฟิลเลอร์คนละยี่ห้อในใบหน้าของคนไข้คนเดียวกันได้ครับ แต่มีข้อควรพิจารณาคือ

  1. ฉีดคนละตำแหน่ง: สามารถทำได้ เช่น ฉีด Volifil ที่ใต้ตา และฉีด Restylane ที่คางในครั้งเดียวกัน
  2. ฉีดตำแหน่งเดียวกันแต่คนละครั้ง: สามารถทำได้ หากฟิลเลอร์ตัวเก่าเริ่มสลายไปแล้วและต้องการเติมใหม่ด้วยยี่ห้ออื่น ทั้งนี้ การจะใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนในตำแหน่งใดนั้น ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วางแผนการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุดครับ