ล็อกความสวยทุกมิติ

ฟิลเลอร์ คืออะไร ทำความรู้จักในทุกแง่มุม

คนเราเมื่ออายุเริ่มเข้าสู่เลขสามเลขสี่ หลายคนก็อาจจะเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณแห่งวัยที่ชัดเจนขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยบริเวณร่องแก้มที่ลึกขึ้น หรือผิวหน้าที่เคยเต่งตึงก็เริ่มดูหย่อนคล้อยลงใช่ไหมครับ ความกังวลใจเหล่านี้ทำให้หลายคนมองหาตัวช่วยที่จะมาฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กลับคืนมาเหมือนก่อน ซึ่งหนึ่งในชื่อผลิตภัณฑ์ที่หลายคนคงได้ยินกันบ่อยที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการฉีด ฟิลเลอร์ นั่นเองครับ แต่อันที่จริงแล้วฟิลเลอร์คืออะไรกันแน่ วันนี้หมอล็อคจะพาไปทำความรู้จักกับสารเติมเต็มชนิดนี้กันแบบหมดเปลือก ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานไปจนถึงข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้บทความนี้เป็นเหมือนคู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้ที่กำลังสนใจ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุดครับ

เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

เริ่มต้นทำความรู้จัก "ฟิลเลอร์" คืออะไรกันแน่

ถ้าจะพูดให้เข้าใจแบบง่ายที่สุดนะครับ ฟิลเลอร์ (Filler) หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า “สารเติมเต็ม ก็คือสารสังเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังของเราโดยตรง ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของมันก็ตามชื่อเต็มเลยครับ ซึ่งก็คือการเข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนที่พร่องไปหรือส่วนที่ยุบตัวลงตามวัย มีคุณสมบัติเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก, ปรับแก้ในจุดที่บกพร่อง, หรือปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้สัดส่วนที่สวยงามมากยิ่งขึ้นครับ

HA Filler คืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมที่สุด

ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ทั่วโลกก็คือ “ฟิลเลอร์ชนิดกรดไฮยาลูรอนิก” (Hyaluronic Acid) หรือที่เราเรียกสั้น ๆ กันว่า “HA Filler” ครับ เหตุผลที่ HA Filler ได้รับความนิยมสูงสุดนั้นก็เป็นเพราะว่า กรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่ร่างกายของเราสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว โดยมีหน้าที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวของเราเต่งตึงและยืดหยุ่น ด้วยการที่มันเป็นสารเลียนแบบธรรมชาตินี่เอง จึงทำให้ HA Filler มีความปลอดภัยสูงเป็นอย่างมาก โอกาสที่จะเกิดการแพ้เกิดขึ้นได้น้อย และที่สำคัญก็คือมันสามารถสลายตัวไปได้เองตามธรรมชาติ 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกายครับ

ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

หลักการทำงานของฟิลเลอร์นั้นตรงไปตรงมาและเข้าใจได้ง่ายมาก ๆ ครับ ลองจินตนาการนึกภาพตามนะครับว่าผิวของเราก็เหมือนกับที่นอนใหม่ที่เคยแน่นฟู แต่พอเวลาผ่านไป ไส้ในอย่างคอลลาเจนและไขมันก็เริ่มยุบตัวลง ทำให้ผ้าปูที่นอนด้านบนเกิดเป็นริ้วรอยหรือร่องลึกขึ้นมา หน้าที่ของ HA Filler ก็คือการเข้าไปเป็น “ไส้ใน” ตัวใหม่ครับ ซึ่งมันจะเข้าไปเติมเต็มในช่องว่างที่ได้ยุบตัวลงไป และด้วยคุณสมบัติในการอุ้มน้ำของมัน ก็จะช่วยพยุงโครงสร้างผิวจากภายใน ให้กลับมาเต่งตึงและมีความเรียบเนียนอีกครั้งครับ

จากหลักการทำงานนี้เอง ทำให้ฟิลเลอร์สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหลัก ๆ ด้วยกัน 3 ด้านนะครับ ได้แก่

1. ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก (Reducing Deep Lines): เช่น บริเวณร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก หรือร่องใต้ตา ให้กลับมาดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น

2. ช่วยเติมเต็มปริมาตร (Restoring Volume): สำหรับบริเวณที่ตอบหรือยุบตัวลงตามวัย เช่น ขมับ แก้มตอบ ก็สามารถทำให้ใบหน้ากลับมาดูอิ่มเอิบขึ้นและดูอ่อนเยาว์ลง

3. ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า (Facial Contouring): สามารถใช้ในการปรับรูปทรงบางจุดให้มีมิติมากขึ้นและสวยงามขึ้น เช่น การเสริมคาง, การสร้างกรอบหน้า หรือการปั้นทรงปากให้อวบอิ่มครับ หรือการปรับเส้นเอ็นที่คอยพยุงไขมันให้กลับมาตึงข้นให้หน้าดูยกกระชับขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ที่ตำแหน่งไหนได้บ้าง

ด้วยความที่ฟิลเลอร์มีความหลากหลายทั้งในด้านคุณสมบัติและเนื้อสัมผัส แพทย์ผู้ทำการฉีดจึงสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะสมมาใช้ในการแก้ปัญหาได้แทบจะทุกส่วนบนใบหน้าเลยนะครับ โดยตำแหน่งยอดนิยมที่คนไข้มักจะเข้ามาปรึกษากับหมอก็จะมีดังต่อไปนี้ครับ

ตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์
  • ใต้ตา: ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำหรือใต้ตาโหล ทำให้ใบหน้าดูมีความสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ขมับ: การเติมฟิลเลอร์ที่ขมับจะช่วยแก้ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ทำให้กรอบหน้าโดยรวมจะดูหวานละมุนมากขึ้นและได้สัดส่วนที่ดียิ่งขึ้นไป
  • ร่องแก้ม: เป็นตำแหน่งยอดฮิตเลยครับ เพราะช่วยเติมเต็มร่องลึกข้างแก้ม ทำให้ใบหน้าที่ดูมีอายุกลับมาเรียบเนียนมากขึ้น ดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
  • แก้ม: สำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบหรือแก้มแบน การเติมฟิลเลอร์จะช่วยยกกระชับหน้าแก้มให้ใบหน้านั้นดูอิ่มเอิบ สดใส และมีชีวิตชีวา
  • ปาก: ช่วยเติมความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก ปรับรูปทรงปากให้สวยงามได้ตามที่ต้องการ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากแลดูมีสุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วยนะครับ
  • คาง: การฉีดฟิลเลอร์บริเวณคาง สามารถใช้ปรับรูปหน้าโดยรวมให้ดูเรียวสวยวีเชฟ (V-Shape) มากยิ่งขึ้น หรือจะเป็นการฉีดเพื่อช่วยเติมคางที่สั้นให้ยาวมากขึ้น เพื่อให้มีสัดส่วนใบหน้าที่สมดุล
  • กรอบหน้า: การฉีดฟิลเลอร์บริเวณกรอบหน้าจะช่วยให้แนวกรามดูคมชัดมากยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าส่วนล่างแลดูกระชับ ไม่หย่อนคล้อยครับ

ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร

เมื่อพูดถึงยี่ห้อฟิลเลอร์ในตลาดตอนนี้มีฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยอยู่หลายยี่ห้อมากเลยนะครับ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีเทคโนโลยีการผลิตและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ที่ Dr.Lock Clinic ของเรา หมอจะทำการคัดเลือกฟิลเลอร์ที่ดีและเหมาะสมที่สุดเข้ามาใช้ โดยพิจารณาจากคุณภาพ, ความปลอดภัย และผลงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเป็นหลักครับ ซึ่งปัจจุบันหมอได้เลือกใช้ฟิลเลอร์คุณภาพสูงอยู่ 4 ยี่ห้อหลักด้วยกันนะครับ

4 ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่หมอล็อคเลือกใช้

Restylane Filler

Restylane: แบรนด์แรกคือ Restylane จากสวีเดนครับ แบรนด์นี้ถือเป็น “ผู้บุกเบิก” ของวงการฟิลเลอร์เลยก็ว่าได้นะครับ เพราะเป็นแบรนด์แรก ๆ ของโลกและมีงานวิจัยรองรับมาอย่างยาวนานที่สุด ทำให้แพทย์ทั่วโลกมีความมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ออกมา จุดเด่น ๆ เลยก็คือเทคโนโลยี NASHA และ OBT ที่ทำให้ Restylane มีฟิลเลอร์ออกมาหลากหลายรุ่นให้เลือก เพื่อใช้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากที่สุดครับ

Definisse Filler

Definisse: เป็น Quiet Luxury Brand สัญชาติ Italy ที่เด่นในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึกได้อย่างเป็นธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนาน โดยมีจุดเด่นคือเทคโนโลยี XTR™ Technology ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์คงตัวสูง ปั้นทรงง่าย ไม่บวมน้ำ อีกทั้ง Definisse ยังมีความปลอดภัยสูงจากกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน และยังโดดเด่นด้วยบรรจุภัณฑ์แบบ Innovative Glass Syringe ที่เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย และช่วยให้แพทย์ควบคุมการฉีดได้อย่างแม่นยำและราบรื่นมากยิ่งขึ้น

Neauvia: เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากอิตาลี ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตครับ Neauvia ใช้สารยึดเกาะ (Crosslink) ที่มีชื่อว่า “PEG” ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงมากและเข้ากันได้ดีกับร่างกาย ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงทน คงอยู่ได้นาน และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวได้อีกด้วยครับ

Volifil Classic

Volifil: เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากเกาหลีใต้ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงครับ จุดเด่นของ Volifil ก็คือการออกแบบเนื้อฟิลเลอร์ให้มีความละมุนมากเป็นพิเศษ สามารถปั้นทรงได้ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก กลืนไปกับผิวได้เป็นอย่างดี หมอจึงมักเลือกใช้ในเคสที่ต้องการผลลัพธ์ที่ออกมาดูนุ่มนวลครับ

การเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะกับใบหน้าและปัญหา

หลังจากที่เรารู้จักแบรนด์ฟิลเลอร์ต่าง ๆ ที่หมอเลือกใช้ไปแล้ว คำถามต่อไปที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าฟิลเลอร์ตัวไหนเหมาะกับเรามากที่สุด หมออยากให้ลองนึกภาพตามแบบนี้นะครับ การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ก็เหมือนกับการที่จิตรกรเลือกใช้พู่กันครับ แน่นอนว่าจิตรกรจะไม่มีพู่กันเพียงแค่อันเดียว แต่จะมีหลายขนาด หลายรูปแบบ เพื่อสำหรับไว้ใช้วาดเส้นที่แตกต่างกันออกไป ฟิลเลอร์ก็เช่นกันครับ ในแต่ละยี่ห้อก็จะมีการแบ่งเป็น “รุ่นย่อย” ออกไปอีกมากมาย ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องความแข็ง ความยืดหยุ่น และขนาดของโมเลกุล

ยกตัวอย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมกระดูกคาง เราต้องการฟิลเลอร์ที่เป็นเนื้อแข็งสามารถคงรูปได้ดี แต่ถ้าเป็นการฉีดที่ริมฝีปาก เรากลับต้องการฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่มและมีคุณภาพสูง ให้ความยืดหยุ่นไปตามการขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ ดังนั้น หัวใจสำคัญที่สุดจึงไม่ใช่แค่การเลือก “ยี่ห้อ” เท่านั้น แต่จะต้องมีการให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ได้ประเมินโครงสร้างใบหน้าและปัญหาของคนไข้ เพื่อที่จะได้เลือก “รุ่น” ของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และแน่นอนว่าจะต้องออกมาทั้งสวยงามและมีปลอดภัยด้วยครับ

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

หมอตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่า การฉีดฟิลเลอร์นั้นปลอดภัยมากครับ… หากอยู่ภายใต้ 3 เงื่อนไขสำคัญ คือ 

  1. ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 
  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ 
  3. ทำในคลินิกที่สะอาดได้มาตรฐาน


อย่างไรก็ตาม หลังการฉีดอาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติครับ เช่น อาการบวมเล็กน้อย, มีรอยแดง, หรือรอยช้ำจากเข็มในบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด และจะค่อย ๆ หายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ครับ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด

สำหรับผลข้างเคียงที่รุนแรงที่หลายคนอาจจะกังวล เช่น เกิดการติดเชื้อ, การอักเสบเป็นก้อน, หรือที่ร้ายแรงที่สุดคือการที่ฟิลเลอร์ไปอุดตันเส้นเลือดจนอาจทำให้เนื้อตายหรือตาบอดนั้น ต้องบอกตามตรงว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงครับ แต่ว่าจะพบได้น้อยมาก ๆ ครับ และความเสี่ยงเหล่านี้มักมีสาเหตุมาจากการฉีดโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ (หมอกระเป๋า), การใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน, หรือการฉีดในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความพร้อมในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินครับ ดังนั้น การเลือกแพทย์และคลินิกที่น่าเชื่อถือจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นครับ

ฟิลเลอร์แท้ vs ฟิลเลอร์ปลอม ดูยังไง อันตรายแค่ไหน

จากหัวข้อที่แล้วที่เราคุยกันเรื่องความเสี่ยงกันไปแล้ว จะเห็นได้ว่า “ฟิลเลอร์ปลอม” คือหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาเลยนะครับ ดังนั้น การมีความรู้ที่ถูกต้องติดตัวไว้เพื่อแยกแยะฟิลเลอร์แท้และปลอมได้ จึงเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองนะครับ

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ด้วยตัวเอง

วิธีตรวจฟิลเลอร์แท้ ปลอม

โชคดีที่ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์แท้ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องสามารถตรวจสอบได้ไม่ยากเลยครับ โดยมีจุดสังเกตหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

  • มีทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทย: ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะต้องมีสติกเกอร์ อย. และเอกสารกำกับยาภาษาไทยบนกล่องเสมอครับ
  • ราคาสมเหตุสมผล: ของแท้มีต้นทุนที่สูงครับ หากเจอโปรโมชั่นฟิลเลอร์ในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นของปลอมหรือของหิ้วที่ไม่มีคุณภาพก็เป็นได้ครับ
  • สแกน QR Code ตรวจสอบได้: ในปัจจุบันฟิลเลอร์แบรนด์ชั้นนำส่วนใหญ่จะมี QR Code อยู่ที่ข้างกล่อง เราสามารถใช้แอปพลิเคชันจากบริษัทผู้นำเข้าทำการสแกนเพื่อตรวจสอบว่าเป็นของแท้ที่ลงทะเบียนไว้หรือไม่
  • คลินิกต้องให้ตรวจสอบและแกะกล่องใหม่ต่อหน้า: คลินิกที่ได้มาตรฐานจะต้องยินดีและเต็มใจให้คนไข้ขอดูกล่องและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนทำการฉีดเสมอ และที่สำคัญมากก็คือต้องแกะกล่องใหม่ให้เห็นกันต่อหน้าทุกครั้งนะครับ

อันตรายของฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ควรมองข้าม

ฟิลเลอร์ปลอมที่ระบาดอยู่ส่วนใหญ่ในตอนนี้ มักจะเป็นสารจำพวก “ซิลิโคนเหลว” หรือ “พาราฟิน” ครับ สารเหล่านี้มีข้อดีเฉพาะในสายตาคนทำผิดกฎหมายเท่านั้น คือ “มีราคาถูกมาก” และ “ไม่สลาย” แต่คำว่าไม่สลายนี่แหละครับคือฝันร้ายที่สุดในระยะยาว เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ซิลิโคนเหลวสามารถไหลไปกองในบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการได้ ทำให้ใบหน้าดูผิดรูปผิดร่าง, เกิดการอักเสบเรื้อรัง, จับตัวเป็นก้อนแข็ง และที่ร้ายแรงที่สุดคือไม่สามารถนำออกมาได้หมด 100% ซึ่งจะต้องทำการขูดออกมาเท่านั้น ซึ่งอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นและความเสียหายอย่างถาวรไว้ได้ครับ

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

เพื่อให้วันนัดฉีดฟิลเลอร์ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุดและให้ได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนล่วงหน้าจึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามได้เลยนะครับ หมอมีเช็กลิสต์ง่าย ๆ นำมาฝากให้ลองไปปฏิบัติตามกันนะครับ

  • เปิดเผยข้อมูลสุขภาพทั้งหมดกับแพทย์: ก่อนการรักษา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา รวมถึงยาและอาหารเสริมทุกชนิดที่กำลังรับประทานอยู่ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้องแม่นยำนะครับ
  • งดยาและอาหารเสริมที่กระทบต่อการแข็งตัวของเลือด: ได้แก่ กลุ่มยาแก้ปวด NSAIDs (เช่น Aspirin, Ibuprofen), วิตามินอี, น้ำมันปลา, และสารสกัดจากใบแปะก๊วย ซึ่งควรงดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำนะครับ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เนื่องจากจะส่งผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือดและจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำได้ง่ายขึ้นนะครับ
  • พักผ่อนให้เต็มที่: การนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และพร้อมสำหรับการฟื้นฟูตัวเองหลังการรักษาไปแล้วนะครับ
  • งดกิจกรรมที่รบกวนผิว: ก่อนวันนัด ควรงดการสครับผิว, การแว็กซ์, หรือการทำเลเซอร์ในบริเวณที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อนนะครับ

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เป็นอย่างไร

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

เมื่อเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว พอถึงวันนัดจริง ๆ ขั้นตอนการฉีดก็ไม่ได้มีความซับซ้อนหรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนคิดเลยนะครับ เพื่อให้เห็นภาพชัดมากขึ้น หมอจะสรุปขั้นตอนหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นในคลินิกของเราให้ฟังนะครับ

  1. พบแพทย์เพื่อปรึกษาและประเมิน (Consultation & Assessment): ขั้นตอนแรกที่เกิดขึ้นเสมอ คือ การพูดคุยกับแพทย์ครับ หมอจะทำการประเมินโครงสร้างใบหน้าอีกครั้ง ยืนยันแผนการรักษา และตอบข้อซักถามทุกอย่างเพื่อให้คนไข้สบายใจที่สุดก่อนจะเริ่มนะครับ
  2. การเตรียมผิวและแปะยาชา (Skin Prep & Anesthetic Cream): เจ้าหน้าที่จะเชิญคนไข้ไปทำความสะอาดผิวหน้าในบริเวณที่จะฉีด จากนั้นก็จะทายาชาชนิดครีมและทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ในขณะที่ฉีดจะรู้สึกเจ็บน้อยที่สุดครับ
  3. เริ่มขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ (The Injection Process): เมื่อยาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว แพทย์จะเริ่มทำการฉีดฟิลเลอร์ตามแผนที่วางกันไว้ด้วยความแม่นยำและนุ่มนวล ซึ่งขั้นตอนนี้โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการฉีดด้วยครับ
  4. รับคำแนะนำและเดินทางกลับบ้าน (Post-Care Advice & Departure): หลังจากฉีดเสร็จแล้ว แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งนัดติดตามผล จากนั้นคนไข้ก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยแทบไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใดเลยนะครับ

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กับการเตรียมตัวก่อนฉีดเลยนะครับ เพราะในช่วง 2 สัปดาห์แรกเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์กำลังเซตตัวเข้ากับผิว การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาเข้าที่สวยงามและอยู่กับเราไปได้นานครับ โดยหมอมีข้อแนะนำดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด หรือนวด: ในช่วง 12 ชั่วโมงแรกหลังฉีด พยายามอย่าสัมผัส กด หรือนวดคลึงในบริเวณที่ได้ฉีดไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์และการปนเปื้อนของเชื้อโรคด้วยครับ
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ: หัวใจสำคัญของ HA Filler คือการอุ้มน้ำ การดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ก็จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูได้อย่างเต็มที่และผลลัพธ์ก็จะออกมาดูสวยฉ่ำวาวด้วยครับ
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด: ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ควรงดการออกกำลังกายหนัก ๆ, การเข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำ เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและอาจเพิ่มอาการบวมช้ำมากขึ้นได้ครับ
  • งดแอลกอฮอล์และอาหารบางประเภท: ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 อาทิตย์ เพราะ จำทำให้ฟิลเลอร์สลายและฟูตัวได้ไม่เต็มที่ รวมถึงอาหารหมักดองทุกชนิด และอาหารที่มีรสจัดในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมครับ
  • หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ใบหน้า: ควรงดการทำเลเซอร์ นวดหน้า ขัดผิว หรือทรีตเมนต์อื่น ๆ ที่มีความร้อนหรือแรงกดลงบนผิวในบริเวณผิวที่ฉีด เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์นะครับ
  • พบแพทย์หากมีอาการผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดง หรือสีผิวมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ควรรีบติดต่อคลินิกเพื่อปรึกษาแพทย์ทันทีครับ

ฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่

เรื่องราคาของฟิลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หลายคนใช้ในการตัดสินใจใช่ไหมครับ หมอจะขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ นะครับ โดยทั่วไปแล้วราคาฟิลเลอร์จะคิดเป็นต่อ 1 CC ซึ่งราคาในท้องตลาดมีความหลากหลายเป็นอย่างมากครับ อาจมีตั้งแต่ราคาหลักพันบาทกลาง ๆ ไปจนถึงสองหมื่นบาทต่อ CC เลยก็ได้ โดยราคาสำหรับแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมักจะมีราคาอยู่ในช่วงประมาณ 8,000 – 18,000 บาทต่อ CC ครับ

สาเหตุที่ทำให้ราคามีความแตกต่างกันนั้น ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกันครับ เช่น

  • ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์: แต่ละแบรนด์และแต่ละรุ่นย่อยจะมีเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต มีต้นทุนการผลิต และคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ราคาจะสูงต่ำไม่เท่ากันครับ
  • ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้: จำนวน CC ที่ต้องใช้ในแต่ละเคสจะมีความแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน รวมถึงบริเวณที่ทำการรักษาด้วยนะครับ
  • ประสบการณ์ของแพทย์และมาตรฐานของคลินิก: ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ความน่าเชื่อถือ และมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยของคลินิก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะสะท้อนอยู่ในราคาด้วยเช่นกันครับ

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะทราบราคาฟิลเลอร์ที่แน่นอนสำหรับเคสของคุณก็คือ การนัดหมายเข้ามาเพื่อให้หมอประเมินใบหน้าและวางแผนการรักษาร่วมกันครับ หมอจึงจะสามารถแจ้งได้ทั้งหมดว่าต้องใช้รุ่นไหน ใช้ในปริมาณเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้คุณได้ใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างโปร่งใสและสบายใจที่สุดครับ

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี และวิธีเลือกคลินิกที่ปลอดภัย

หลังจากที่เรามีความรู้เรื่องฟิลเลอร์เกือบจะครบทุกมิติแล้ว คำถามสุดท้ายที่สำคัญที่สุดก็คือ “จะเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี” การเลือกคลินิกและแพทย์คือตัวแปรสำคัญที่สุดที่จะกำหนดผลลัพธ์และความปลอดภัยนะครับ หมอจึงอยากมอบเช็กลิสต์ง่าย ๆ เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันให้กับตัวคุณเองนะครับ

  • คลินิกต้องได้มาตรฐานและมีใบอนุญาต คลินิกที่ถูกต้องจะต้องแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล 11 หลัก อย่างชัดเจนในที่ที่มองเห็นได้ง่าย บรรยากาศภายในต้องมีความสะอาดปลอดภัย มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่นะครับ
  • แพทย์ต้องเป็นแพทย์จริงและมีประสบการณ์ ผู้ที่ทำการฉีดให้เราต้องเป็นแพทย์จริงเท่านั้นนะครับ เราสามารถนำชื่อ-นามสกุลของแพทย์ไปทำการตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของแพทยสภา และควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์และปรับรูปหน้าโดยตรงนะครับ
  • ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ตรวจสอบได้ คลินิกที่ดีต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องยินดีให้เราตรวจสอบกล่อง, สามารถแกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้า และให้เราสแกน QR Code เพื่อยืนยันว่าเป็นของแท้ก่อนฉีดได้เสมอนะครับ
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากแหล่งที่เป็นกลาง ลองค้นหารีวิวจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่หน้าเว็บไซต์ของคลินิกเพียงอย่างเดียว เช่น รีวิวใน Google Maps หรือกลุ่ม Facebook ต่าง ๆ เพื่อดูผลงานและเสียงตอบรับจากคนไข้จริงได้ด้วยครับ
  • มีการให้คำปรึกษาและดูแลติดตามผล หลังทำไปแล้วก็ควรมีการให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองและนัดติดตามผลเพื่อความปลอดภัยและพึงพอใจสูงสุดของคนไข้นะครับ

สรุป

เราเดินทางมาถึงส่วนสุดท้ายในการทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ในทุกแง่มุมกันแล้วนะครับ หมอหวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่หมอได้เล่ามานี้ จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ได้อย่างถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่า ฟิลเลอร์ เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ด้าน Aesthetic ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ เลยครับ สามารถช่วยคืนความอ่อนเยาว์และปรับแก้จุดบกพร่องบนใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย แต่หัวใจสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจนั้น ไม่ได้อยู่ที่ตัวฟิลเลอร์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือก “คนฉีด” และ “สถานที่ฉีด” ที่ถูกต้องด้วยนะครับ ดังนั้นการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงในคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้เท่านั้น คือการลงทุนในความสวยที่คุ้มค่าและปลอดภัยอย่างที่สุดนะครับ หากคุณมีข้อสงสัยอื่นใดเพิ่มเติมหรือต้องการประเมินใบหน้าเพื่อจะได้วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล สามารถนัดหมายเข้ามาปรึกษากับหมอที่ Dr.Lock Clinic ได้เสมอครับ หมอยินดีให้คำแนะนำในทุกหัตถการความงามอย่างเต็มที่ครับ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม

เป็นคำถามที่คนไข้มีความกังวลกันเยอะเลยครับ โดยปกติก่อนฉีดจะมีการแปะยาชาชนิดทาให้ทุกเคสอยู่แล้วครับ ประกอบกับในฟิลเลอร์รุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมียาชาผสมอยู่ด้วย ทำให้ความรู้สึกระหว่างฉีดจะเจ็บน้อยมาก ๆ เลยครับ คนไข้ของหมอส่วนใหญ่จะบอกว่ารู้สึกเหมือนแค่มดกัดเบา ๆ หรือรู้สึกตึง ๆ ที่ผิวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ

โดยทั่วไปแล้ว HA ฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานได้ประมาณ 6-24 เดือนครับ ทั้งนี้ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก ๆ ครับ ทั้งยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ เพราะแต่ละรุ่นมีความคงทนไม่เท่ากัน, ตำแหน่งที่ฉีด บริเวณที่ขยับบ่อยอาจสลายเร็วกว่า และอัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคลครับ

สำหรับฟิลเลอร์แท้ในกลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก (HA Filler) นั้น สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติไปจนหมด 100% ครับ ทั้งนี้เพราะร่างกายของเรามีเอนไซม์ที่ชื่อว่า “ไฮยาลูโรนิเดส” (Hyaluronidase) ซึ่งจะทำหน้าที่ย่อยสลาย HA ฟิลเลอร์ไปตามกาลเวลา จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสารตกค้างใด ๆ ในระยะยาวครับ

โอกาสที่จะเกิดการแพ้ HA ฟิลเลอร์แท้นั้น พบได้น้อยมาก ๆ ครับ  เนื่องจากกรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายของคนเรา ทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย อาการที่คนไข้ส่วนใหญ่มักจะเจอ อย่างเช่น รอยแดง หรืออาการบวมเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งมักเป็นปฏิกิริยาปกติของผิวหนังที่มีต่อต่อเข็ม จึงไม่ใช่เป็นการแพ้แต่อย่างใดนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีประวัติการแพ้รุนแรงหรือแพ้ยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดก่อนจะทำหัตถการเสมอนะครับ